วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประวัติการพนัน

ตามหลักฐานในประวัติศาสตร์ การพนันมีต้นกำเนิดที่ประเทศจีน เมื่อประมาณ 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช จากนั้นได้แพร่หลายเข้าไปในประเทศอินเดีย บาบิโลนและแพร่ขยายต่อไปยังประเทศตะวันตก กรีก โรมัน และประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในประเทศเยอรมันและฝรั่งเศส จนในที่สุดประเทศอังกฤษได้มีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการพนันขึ้นใช้บังคับเป็นผลสำเร็จขึ้นเป็นประเทศแรก เมื่อปี ค.ศ. 1541


ประเทศไทยในเรื่องของการพนันเริ่มเข้ามาในยุคใด สมัยใดไม่มีการบันทึกเป็นหลักฐานที่แน่ชัดไว้ แต่สันนิษฐานว่าการพนันน่าจะเข้ามาโดยการติดต่อทางการค้ากับประเทศจีน ซึ่งประเทศจีนเป็นผู้นำเข้ามา คือ การพนันประเภทถั่วโป ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี แต่ที่มีปรากฏหลักฐานให้เห็นเด่นชัดนั้นมีขึ้นอยู่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โดยในสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หรือในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้มีการเล่นการพนันชนิดหนึ่งเรียกว่า กำตัด ซึ่งมีวิธีการเล่นและอุปกรณ์การเล่นคล้ายคลึงกับการเล่นถั่ว หรืออีจี๋ของประเทศจีน จากข้อสันนิษฐานและเรื่องราวจากประวัติศาสตร์ดังกล่าวพอสรุปได้ว่า คนไทยได้รู้จักการเล่นการพนันมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ในสมัยพระเจ้าบรมโกศทรงเห็นว่า ประชาชนนิยมเล่นการพนันกันมาก จึงโปรดให้มีการเก็บค่าธรรมเนียมจากเจ้าของบ่อนการพนันเป็นเงินช่วยราชการเรียกว่าอากรบ่อนเบี้ย และยอมให้มีผู้ผูกขาดอากรไปตั้งบ่อนเบี้ยตามหัวเมืองทั่วไป ซึ่งระบบนี้ยังคงใช้ต่อมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น และในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการจัดเก็บภาษีการพนันเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากบ่อนเบี้ยอีกประเภทหนึ่ง เพื่อใช้ทดแทนรายได้ภาษีที่ขาดไปเนื่องจากผลของการยกเลิกภาษีผูกขาดหลายประเภท ซึ่งสืบเนื่องมาจากการที่ประเทศไทยมีสัญญาทางการค้ากับต่างชาติมากขึ้น

การควบคุมการเล่นการพนันบางประเภทเริ่มปรากฏชัดขึ้นในปลายรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 โดยมีการดำเนินการปิดบ่อนการพนันหลายแห่ง เช่น จังหวัดเพชรบุรี พระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดชุมพร พร้อมทั้งให้จำกัดการเล่นการพนันในที่อื่นๆ ให้น้อยลง เนื่องจากปรากฏว่าราษฎรพากันหมกมุ่นกับการพนันจนยากจนลงไปมาก ตลอดจนอาชญากรรมเกิดขึ้นมากมาย เพราะสาเหตุจากการพนัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น